tag:blogger.com,1999:blog-59795072562148115062024-03-13T03:02:11.678-07:00English Program (EP) BlogBlog เกี่ยวกับ บทความ ข้อคิดเห็น และ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ English Program ครับ
ไว้แบ่งปันกับเพื่อนๆ ที่อยู่หรือมีลูกๆ หลานๆ เรียนในหลักสูตรนี้ึครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.comBlogger78125tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-78532154970670199752011-09-18T00:59:00.000-07:002011-09-18T03:33:28.652-07:00Contents for English Program Students and Teachersสวัสดีครับ น้องๆ พี่ๆ ที่เรียนและสอนในโรงเรียน สองภาษาหรือที่เราเรียกว่า English Program วันก่อนผมได้มีโอกาสได้สนทนากับน้องนักเรียนจากโรงเรียนสองภาษาแห่งหนึ่งแถวๆ พญาไท โดยหัวข้อที่เราได้สนทนากันนั้นส่วนใหญ่เกี่ยวกับ ระบบการเรียนสองภาษา การปรับตัวของน้องๆ ทีเข้าเรียนวิชาต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยจากที่ได้สนทนากัน ก็พบว่าส่วนหนึ่งของนักเรียนที่เข้าเรียนในหลักสูตร English Program จะพบกับความยากในการทําความเข้าใจเนื้อหา โดยเฉพาะเวลาที่ต้องฟัง ต้องตอบโต้หรือแม้แต่การอ่านและเขียนเพื่อส่งการบ้าน สิ่งเหล่านี้จริงๆแล้วเกิดจากการที่น้องๆ ที่เข้าเรียนในห้องเรียนสองภาษาอาจยังไม่คุ้นเคยและยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาจึงทําให้เกิดความยากในทักษะต่างๆข้างต้น<br />
<br />
จากข้อสรุปเรื่องทักษะการใช้ภาษาเป็นส่วนสําคัญในการสร้างความสําเร็จในการเรียนหลักสูตรสองภาษา ผมจึงได้ถามเพิ่มเติมกับน้องๆ ว่ามีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษระหว่างวัน ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้คําตอบว่าส่วนใหญ่น้องๆ จะใช้ภาษาอังกฤษมากในห้องเรียน และในเวลาที่จัดให้ฝึกภาษาตอนอยูในโรงเรียน ซึ่งพอกลับบ้านก็จะใช้ภาษาไทยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากที่ฟังมานี้ผมก็พอสรุปได้ว่า นักเรียนส่วนใหญ่ที่อาจปรับตัวยากและพบว่าการเรียนสองภาษาหรือ English Program ยากกว่าภาคปกตินั้นเกิดจากการที่น้องๆ ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้ภาษาหรือเพิ่มทักษะด้านภาษานั่นเอง<br />
<br />
ดังนั้นหากน้องๆมีโอกาสหรือมีช่องทางในการใช้หรือเรียนภาษามากขึ้นทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน น่าจะช่วยให้น้องๆพัฒนาและเพิ่มทักษะด้านภาษาที่ต้องใช้ในการเรียนแบบ English Program ได้มากกว่าเดิม และเพื่อเติมเต็มตรงนี้ ผมได้ไปลองหาเว็ปทางการศึกษาในต่างๆประเทศที่มีเนื้อหาต่างๆที่อยู่ในรูป หนังสือ ภาพเคลื่อยไหว เพลง หรือ วีดีโอ ซึ่งผู้จัดทําเป็นหน่วยงานในต่างประเทศที่ทําเพื่อการเรียนของเด็กอย่างแท้จริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งตัวเนื้อหาเองผมดูแล้วก็มีคุณภาพในระดับที่ดีเลยทีเดียว<br />
<br />
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สามารถเข้าไปเรียนและฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในห้องเรียนสองภาษาหรือ English Program ได้จาก เว็ปต่อไปนี้ครับ<br />
1 <a href="http://www.netrover.com/%7Ekingskid/Math/math_kids.html">http://www.netrover.com/~kingskid/Math/math_kids.html</a><br />
2 <a href="http://www.sciencenewsforkids.org/">http://www.sciencenewsforkids.org/</a><br />
<br />
3 <a href="http://www.primarygames.com/social_studies.htm">http://www.primarygames.com/social_studies.htm</a><br />
<br />
ซึ่งทั้งสามเว็ปไซต์มีเนื้อหาสําหรับการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสต์และสังคมเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะสามารถช่วยให้น้องๆ สามารถเพิ่มช่องทางการเรียนภาษาสําหรับห้องเรียน English Program ได้มากทีเดียวครับ<br />
<br />
สําหรับคราวหน้าผมจะเขียนเพิ่มแบบเจาะลึกลงไปที่ สื่อการเรียนของแต่ละเว็ป โดยเป็นการแปลและให้คําแนะนําเพิ่มเติมเพื่อให้น้องๆและเพื่อนๆ สามารถเรียนไปด้วยกันได้ครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-73508280520802060832011-09-10T01:20:00.000-07:002011-09-18T03:33:59.519-07:00ติวฟรี การสอบเข้า ม.1 ภาค English Program<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img border="0" height="250" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhtyLkOOFh7tsSEMlgQzk3fvUSzgpl8HpHbF-MK0sKBGFzDByNprS92KsIIsqfTs3ApWx7axeGG6X6Rq3OlCkDfZp7S1H9ZqhUdZmLDfN2bEGVJlrM4Le-ONmXMYQWO3gcgfNVOwomriB1-/s400/pro6.gif" width="400" /> </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สวัสดีครับช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันเลยทําให้รถค่อนข้างติดมากโดยเฉพาะแถวที่ผมทํางานบริเวณ พญาไทนะครับ เสาร์อาทิตย์นี้ก็เป็นอีกวันหยุดที่ฝนตกผมนั่งดูน้องๆ ที่ต้องเดินทางมาเรียนพิเศษแถวอาคารทหารไทย อาคารวรรณสรณ์ และบริเวณสยาม แล้วอดเอาใจช่วยไม่ได้ครับ เพราะน้องๆต้องเรียนหนักเพื่อเตรียมตัวสอบโดยอาจไม่ได้รักษาสุขภาพอาจเป็นหวัดเอาได้ง่ายๆครับ </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สําหรับวันนี้พอดีผมได้รับ โบชัวร์จากแถวอาคารทหารไทยที่เยื้องกับอาคารวรรณสรณ์และมีสถาบันหนึ่งกำลังเปิดรับการติวสอบเข้า ม 1 ภาคภาษาอังกฤษ หรือที่เราเรียกว่า English Program โดยเขาเปิดติวฟรีทั้ง คณิต วิทย์และอังกฤษ โดยน้องที่สนใจหรือคุณพ่อคุณแม่ที่อาจสนใจดูว่าสอบเข้าม1 โปรแกรม ภาษาอังกฤษเขาสอบอย่างไรและมีเนื้อหาอะไรบ้างก็สามารถโทรมาสํารองที่นัี้่่่งได้ครับจากข้อมูลข้างบน หรือ เข้ามาที่ www.smartep.com ได้ครับ เหมือนว่าทางสถาบันรับจํานวนจํากัดไม่เกิน 30 ที่ดังนั้นน้องๆ ที่สนใจ ต้องรีบจองครับ เริ่มติว 17 ก.ย. 2554 นี้น่าสนใจมากมากครับ</div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-57718369265342987942011-07-08T19:42:00.000-07:002011-07-08T19:43:28.996-07:00science math workshop by SmartEPสวัสดีครับ วันนี้ผมก็มีภาพบรรยากาศ การทํา workshop ด้าน คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ที่สถาบันแห่งหนึ่งมาฝากเพื่อนๆ ครับ โดยคอนเซปของงานคือ การนําการทดลองของสองวิชานี้มาใช้ควบคู่กับการใช้ภาษาอังกฤษ ฟังแล้วน่าสนใจดีนะครับ<br />
<br />
เพื่อนๆที่พลาดงานสามารถดูรูปบรรยากาศได้ที่นี่ครับ<br />
<br />
ซุ้ม คณิตศาสตร์<br />
<br />
<a href="http://smartep.com/Album_02_math.html">http://smartep.com/Album_02_math.html</a><br />
<br />
ซุ้มชีววิทยา<br />
<br />
<a href="http://smartep.com/Album_02_bio.html">http://smartep.com/Album_02_bio.html</a><br />
<br />
ซุ้มฟิสิกส์<br />
<br />
<a href="http://smartep.com/Album_02_phy.html">http://smartep.com/Album_02_phy.html</a><br />
<br />
ซุ้มเคมี<br />
<a href="http://smartep.com/Album_02_chem.html">http://smartep.com/Album_02_chem.html</a><br />
<br />
สําหรับงานในครั้งต่อไปเพื่อนๆ สามารถติดตามได้จาก blog นี้นะครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-81471824222041670172011-07-05T21:08:00.000-07:002011-07-05T21:08:32.198-07:00“ชินภัทร” จ่อปูพรมดัน ร.ร.สอน Bilingual “คณิต-วิทย์”หวัดดีครับ วันนี้ มีข่าวที่หน้าสนใจเกี่ยวกับการเรียนในโรงเรียนแบบสองภาษามาฝากเพื่อนๆครับ ซึ่งคราวนี้เกี่ยวกับโครงการพลักดันให้เกิดโรงเรียนแบบ Bilingual ที่สอน คณิตวิทย์ เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะถูกผลักดันให้เกิดโดย คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ครับ ซึ่งน่าสนใจมากครับ อยากให้มีโรงเรียนสองภาษาเกิดมากๆ เพราะจะเป็นการยกระดับการเรียนรู้ของเด็กไทยครับ และเพื่อรองรับการเข้าร่วมเป็น Asian Community ในอนาคตอันใกล้ด้วยครับ<br />
<br />
สําหรับรายละเอียดของข่าวอ่านต่อข้างล่างครับ<br />
<br />
<span style="color: teal;"><b>สพฐ.เตรียมปูพรมดัน ร.ร.ในสังกัดทุกระดับ เรียนและสอนแบบ Bilingual วิชาหลักคณิต วิทย์ หวังเพิ่มคุณภาพการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กไทย ขณะที่เลขาธิการ กพฐ.ระบุหลักสูตรภาษาอังกฤษปัจจุบันมีชั่วโมงเรียนน้อยมาก ระดับประถมแค่สัปดาห์ละ 1 คาบ ไม่เพียงพอพัฒนาเด็กไทย</b></span><br />
<br />
<b>นายชินภัทร ภูมิรัตน</b> เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.มีโครงการที่จะผลักดันให้โรงเรียนในสังกัดทุกระดับตั้งแต่ระดับประถม ศึกษา โรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนมัธยมศึกษา จัดการเรียนการสอนแบบสองภาษา ไทยคู่อังกฤษ หรือที่เรียกว่า English Bilingual Education (EBE) โดยหวังว่าวิธีดังกล่าวจะช่วยให้การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษประสบความ สำเร็จเร็วขึ้น<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b>อย่างไรก็ตาม หลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษที่ใช้อยู่มีชั่วโมงเรียนจำกัดมาก โดยระดับประถมศึกษาเรียนภาษาอังกฤษเพียงสัปดาห์ละ 1 คาบ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเด็กได้ ซึ่งจากการส่งนักวิชาการของ สพฐ.ไปดูงานที่ต่างประเทศ เช่น ประเทศสเปน เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาเรื่องเวลาเรียนด้วยการหันไปจัดการเรียนการสอนวิชาทั่ว ไป เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา เป็นภาษาอังกฤษ ด้วย ซึ่งวิธีการดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กได้พัฒนาฟัง พูด เขียนภาษาอังกฤษ และพบว่า การสอนแบบ EBE นั้น เป็นวิธีพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้เด็กที่มีประสิทธิภาพ </b></span><br />
<br />
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ดังนั้น สพฐ.จะมอบให้สถาบันภาษาอังกฤษ ไปศึกษาและยกร่างแผนผลักดันให้โรงเรียนในสังกัดจัดการเรียนการสอนแบบสองภาษา (Bilingual) โดยจะทยอยเริ่มจากโรงเรียนที่มีความพร้อม และให้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของโรงเรียนที่จะเลือกจัดการเรียนวิชาใดเป็นภาษา อังกฤษ แต่เน้นวิชาคณิต วิทย์ และสังคมศึกษา อย่างไรก็ตาม การจัดการเรียนการสอนแบบ Bilingual ในโรงเรียนของ สพฐ.นั้น จะมีความแตกต่างจากหลักสูตร English Program (EP) ซึ่งจะแยกชั้นเรียนออกจากหลักสูตรปกติและเก็บค่าธรรมเนียมในราคาสูง เริ่มต้นตั้งแต่ 35,000 บาทต่อเทอม และมีข้อกำหนดต่าง ๆ ออกมาเพื่อรักษามาตรฐานของการจัดการเรียนการสอนพร้อมป้องกันโรงเรียนเอา เปรียบผู้บริโภค เช่น กำหนดให้ทุกวิชาต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษ ยกเว้น ภาษาไทย และต้องมีครูชาวต่างชาติตามเกณฑ์ที่กำหนด<br />
<br />
“หลักสูตร Bilingual นั้น เด็กทุกคนจะได้อานิสงส์โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม และให้โอกาสโรงเรียนเลือกสอนวิชาที่พร้อมเป็นภาษาอังกฤษ บางวิชา อาจสอนเป็นภาษาอังกฤษบางส่วนได้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีครูชาวต่างชาติ แต่อาจใช้วิธีพัฒนาครูไทยให้สามารถจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแทน ซึ่งขณะนี้ สพฐ.ก็มีหลักสูตรอบรมครูให้สามารถจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ โดยเริ่มอบรมครูของโรงเรียนที่อยู่ในกลุ่ม Education Hub ไปแล้ว และจะมีการขยายผลโดยเร็วต่อไป”นายชินภัทร กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม สพฐ.ยังดำเนินโครงการจัดจ้างครูชาวต่างชาติจำนวน 350 คน มาประจำโรงเรียนในสังกัดอยู่ เพียงแต่เห็นจำนวนครูต่างชาติที่ สพฐ.สามารถจัดหามาได้นั้น ห่างไกลจากตัวเลขโรงเรียนในสังกัดกว่า 30,000 โรงอยู่มาก จึงต้องเร่งพัฒนาครูไทยให้สามารถสอนเป็นภาษาอังกฤษได้คู่ขนานไปด้วย<br />
English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-38100753821056489952011-06-17T23:29:00.000-07:002011-06-17T23:29:35.787-07:00Science and Math Workshop<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3llLZMDet3a48WwuT8SunQQzJQm-SZdS3qB0TRICATxxtbxBqNVEP3_xqa2RZk_QP27OirGu4UyIi0tNdgFxDzXVuJ1bk4pVbsZ_kzuBgaf-YfEi5-dYdU0LPjdwQ16OgkDU8CGbRWORo/s1600/workshop%25231.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3llLZMDet3a48WwuT8SunQQzJQm-SZdS3qB0TRICATxxtbxBqNVEP3_xqa2RZk_QP27OirGu4UyIi0tNdgFxDzXVuJ1bk4pVbsZ_kzuBgaf-YfEi5-dYdU0LPjdwQ16OgkDU8CGbRWORo/s320/workshop%25231.jpg" width="225" /></a></div> สวัสดีครับเพื่อนๆ ช่วงนี้ห่างหายไประยะหนึ่งในการเขียนบลอกการเรียนสองภาษาเนื่องจากกําลังซุ่มเขียนหนังสือและหากิจกรรมที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆครับ และวันก่อนพอดีผมได้มีโอกาสไปเยี่มเยียนโรงเรียนที่สอนอีพีแห่งหนึ่งแถวรถไฟฟ้าพญาไท และโรงเรียนกําลังจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาตร์และคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ ในวันเสาร์หน้านี้ 25 มิถุนายน 2554 ผมเลยรีบนําข่าวมาบอกเพื่อนๆครับ<br />
<br />
ถ้าเพื่อนๆ มีเวลาก็ลองมาร่วมกิจกรรมนะครับ ดูว่าการทํากิจกรรมวิทย์และคณิตเป็นภาษาอังกฤษในแบบของ English Program น่าสนุกและน่าสนใจขนาดไหนครับ และถ้าลองแล้วดีแวะมาแชร์ในบลอกให้เพื่อนๆคนอื่นฟังด้วยนะครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-20038505877126509312011-04-03T02:35:00.000-07:002011-04-03T02:47:42.811-07:00แนะนําหนังสือเตรียมตัวสอบเข้า โรงเรียน EP (English Program)สวัสดีครับเพื่อนๆ พอดีวันนี้ผมไปเดินซื้อหนังสือมาอ่านยามว่างและไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งน่าสนใจมาก เกี่ยวกับ การสรุปข้อมูลต่างๆ เพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรียน EP และ ยังมีตัวอย่า่งแนวข้อสอบอีกด้วย ดังนั้นจึงนํามาลงเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ครับ ส่วนราคาหรือสถานที่ซื้อผมไม่นํามาลงนะครับ เพราะ ไม่อยากให้ดูเป็นเชิงพาณิชย์ในเว็ปนี้ ครับ และครั้งต่อๆไป ผมอาจจะเพิ่มหน้าสําหรับแนวข้อสอบในเว็ปนี้ด้วยครับ เพื่อให้ เพื่อนๆ มีแหล่งข้อมูลเพื่อให้ลูกๆหลานๆของเราได้เตรียมตัวสอบได้เต็มที่ครับ<br />
<br />
ใครมีแนวข้อสอบหรือหนังสือแนะนำสามารถแจ้งมาได้นะครับ<br />
<br />
<br />
<b> ชื่อหนังสือ สุดยอดเก็งเข้า ม.1 ,EP และ GIFTED</b> <br />
<span style="color: red;"><b>ประกอบด้วย</b></span> <br />
- สรุปข้อมูลและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการับนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 <br />
- แนวข้อสอบจริงเข้า ม.1 ,EP และ GIFTED และห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนมัธยมชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมเฉลยละเอียด <br />
- เก้งข้อสอบเข้า ม.1 โรงเรียนชั้นนำทั่วประเทศ พร้องเฉลยละเอียด <br />
สารบัญ <br />
ส่วนที่ 1 สรุปข้อมูลเกี่ยวกับการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้น ม.1 <br />
- นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2550 <br />
- การรับนักเรียนชั้นพิเศษ และหลักสูตร ENGLIHS PROGRAM ปีการศึกษา 2550 <br />
- เขตพื้นที่บริการของโรงเรียนสังกัด สพฐ. ในเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1,เขต 2,และเขต 3,ช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2550 <br />
- รายชื่อและที่อยู่โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัด สพฐ. ที่เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล <br />
ส่วนที่ 2 แนวข้อสอบจริง ม.1 ของโรงเรียนชั้นนำทั่วประเทศ <br />
แนวข้อสอบจริงเข้า ม.1 (ชุดที่ 1) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ <br />
- วิชาวิทยาศาสตร์ <br />
- วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม <br />
แนวข้อสอบจริงเข้า ม.1 (ชุดที่ 2) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ <br />
- วิชาวิทยาศาสตร์ <br />
- วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม <br />
แนวข้อสอบจริง ENGLIHS PROGRAM และห้องเรียนพิเศษ (GEP) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ <br />
- วิชาภาษาอังกฤษ <br />
- วิชาวิทยาศาสตร์ <br />
ส่วนที่ 3 เก็งข้อสอบเข้า ม.1 ของโรงเรียนชั้นนำทั่วประเทศ <br />
เก็งข้อสอบเข้า ม.1 (ชุดที่ 1) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เก้งข้อสอบเข้า ม.1 (ชุดที่ 2) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เก็งข้อสอบเข้า ENGLIHS PROGRAM และห้องเรียนพิเศษ (GEP) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ <br />
ส่วนที่ 4 เฉลยข้อสอบ <br />
เฉลยข้อสอบจริงเข้า ม.1 (ชุดที่ 1) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เฉลยข้อสอบจริงเข้า ม.1 (ชุดที่ 2) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เฉลยเก็งข้อสอบเข้า ENGLIHS PROGRAM และห้องเรียนพิเศษ (GEP) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ <br />
เฉลยเก็งข้อสอบเข้า ม.1 (ชุดที่ 1) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เฉลยเก็งข้อสอบเข้า ม.1 (ชุดที่ 2) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ,วิทยาศาสตร์,ภาษาไทย ,และสังคมศึกษา ,ศาสนา ,และวัฒนธรรม <br />
เฉลยเก็งข้อสอบเข้า ENGLIHS PROGRAM และห้องเรียนพิเศษ (GEP) <br />
- วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-39561512363537523622011-04-02T20:46:00.000-07:002011-04-02T21:08:41.385-07:00ทําอย่างไรจึงเพิ่มความเข้าใจและพื้นฐานในการเรียนคณิตและวิทย์สําหรับหลักสูตร EP และสองภาษาสวัสดีครับ ช่วงนี้ น้องๆ หลายคน ก็น่าจะทราบผลการสอบเข้าเรียนใน โรงเรียนต่างๆ รวมทั้งในหลักสูตรสองภาษา และ English Program (EP) ครับ ซึ่งน้องๆ ที่ประสบความสําเร็จในการสอบพี่ก็ขอแสดงความยินดีและขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนสามารถประสบความสําเร็จในการเรียนต่อไปครับ สําหรับน้องๆ ที่อาจจะสอบเข้าไม่ได้ในโรงเรียนหรือหลักสูตรที่หวังไว้ก็ ไม่ต้องท้อใจครับ พยายามต่อไป ทําได้แน่นอนครับ ขอให้แน่วแน่ในจุดหมายที่ตั้งไว้ครับ<br />
<br />
สําหรับบทความนี้พี่ก็ขอเขียนเพิ่มเติมประเด็นการเรียนในห้องเรียน อีพี หรือ สองภาษา เพื่อให้น้องที่จะเริ่มเปิดเรียนและต้องเตรียมตัวเรียนในห้องเรียนแบบสองภาษาสามารถปรับตัวได้และสามารถทําคะแนนทั้งในห้องและการสอบเข้าเรียนในระดับสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมั่นใจครับ โดยประเด็นที่จะเขียนถึงคือเรื่องของคุณภาำพของอาจารย์อีพีที่สอนวิชาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยประเด็นนี้พี่เคยเขียนเบื้องต้นใน<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/blog-post_02.html">บทความนี้ครับ</a><br />
<br />
ในปัจจุบันจากที่ได้เก็บข้อมูลจากทั้งทางนักเรียน ผู้ปกครองและวารสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร อีพี และสองภาษา คือ <a href="http://www.kroobannok.com/37517">อาจารย์ที่โรงเรียนนํามาสอนในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ไม่ได้จบหรือมีความเชี่ยวชาญในวิชาเหล่านี้</a> ทําให้ไม่สามารถถ่ายทอดหรืออธิบายแนวความคิดหรือทฤษฎีต่างๆให้นักเรียนเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ ซึ่งทําให้นักเรียนส่วนใหญ่อาจได้ภาษาแต่วิชาการจะอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอต่อการสอบแข่งขันหรือแม้แต่การทําคะแนนในห้องเรียน ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีความสําคัญมาก เพราะ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ ต้องการให้ ลูกหลานของตนที่เรียนใน หลักสูตร อีพี และ สองภาษา ได้ทั้ง ความรู้และวิชาการ เพื่อเตรียมความพร้อมกับ การศึกษาต่อในระดับสูง ที่มีึความจําเป็นต้องใช้ ภาษาอังกฤษในการเรียน หรือ การทํางานในสายอาชีพต่างๆ ซึ่งต่อไปจะต้อง<a href="http://hq.prd.go.th/prTechnicalDM/ewt_news.php?nid=1145&filename=index">แข่งขันกับแรงงานจากต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง</a>ในการสื่อสารโดยแรงงานเหล่านี้จะเริ่มเข้ามาทํางานในประเทศไทยหลังจากการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/blog-post_3307.html">ประชาคมอาเซียน</a><br />
<br />
จา่กความจําเป็นของทั้งภาษาและวิชาการข้างต้น ที่นักเรียนในหลักสูตร อีพี และ สองภาษา ควรได้รับการเรียนรู้และถ่ายทอดจา่กอาจารย์ในโรงเรียนอีพี ผู้ปกครองและนักเรียนมักมีคําถามเสมอๆ ว่า ควรทําอย่างไร เพราะ เรียนแต่ที่โรงเรียน อาจารย์ก็ปูพื้นฐานวิชาการในแบบภาษาอังกฤษได้ไม่เต็มที่ เด็กที่เรียนก็ ไม่เข้าใจในเนื้อหา ปล่อยไว้นาน ก็มีผลต่อเด็กในอนาคตอย่างมาก เพราะพอพื้นฐานวิชา คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ไม่แน่นก็จะสอบแข่งขันกับเด็กภาคปกติไม่ได้ กลายเป็นว่าเรียนแล้วได้แต่ภาษา ซึ่งก็ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ปัญหานี้ผู้ปกครองบางท่านก็ อาศัยให้บุตรหลานไปเรียนพิเศษกับโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ซึ่งสอนเป็นภาษาไทย ซึ่งก็ช่วยเด็กได้บ้างตอนสอบแข่งขันในโรงเรียนที่จัดสอบเป็นภาษาไทย แต่ก็ไม่ช่วยในการเพิ่มเกรดในห้องเรียน เพราะในห้องเรียน เรียนเป็นภาษาอังกฤษ สอบและทําการบ้านเป็นภาษาอังกฤษ พอเรียนกวดวิชาเป็นภาษาไทย มาเขียนตอบเป็นภาษาอังกฤษไม่ถูก ฟังที่ึึครูสอนหรือให้การบ้านไม่ได้ก็ไม่สามารถทําคะแนนสอบและคะแนนเก็บได้ ดังนั้นจากสาเหตุนี้ผู้ปกครองที่ตอนแรกส่งบุตรหลานไปเรียนกวดวิชาภาคภาษาไทย ก็เริ่มลังเล และพยายามหาวิธีการอื่นๆ เพิ่อให้ ลูกหลาน ทําคะแนนในห้องเรียน อีพีหรือสองภาษา ได้ด้วย สุดท้ายเลยจําเป็นต้องหา ที่กวดวิชาคณิตและวิทย์ สําหรับ นักเรียน อีพีและ สองภาษาโดยเฉพาะ ซึ่ง อาจารย์จะต้องสามารถเน้นได้ทั้งภาษาและวิชาการที่ีเข้มข้นได้นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามโรงเรียนกวดวิชาลักษณะนี้ยังมีค่อนข้างน้อยมากคงต้องอาศัยเวลาที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะเริ่มเล็งเห็นปัญหาและความสําคัญของการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนที่เน้นทั้งภาษาและวิชาการในอนาคตครับ<br />
<br />
สําหรับตัวอย่างกวดวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ หรือ ผสมไทยและอังกฤษ สามารถดูตัวอย่างได้<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/english-program-smartep.html">ที่นี่</a>ครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-63860680038804029062011-03-15T02:20:00.000-07:002011-03-15T02:21:21.353-07:00เสวนาวิชาการ เรื่อง ทิศทางการศึกษาไทยกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน จาก<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/blog-post_15.html">บทความก่อนหน้านี้</a>ที่ผมเขียนเกี่ยวกับประเด็นหนึ่งที่ มีความสําคัญต่อการเีรียนวิชาพื้นฐาน เป็นภาษาอังกฤษ ก็คือการเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทยเรา ซึ่งเป็นประเด็นสําคัญมากกับการศึกษาของเราและเพื่อนๆ เพราะ เราต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านวิชาการและภาษาในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อสามารถแข่งขันกับแรงงานต่างประเทศที่กํา่ลังเข้ามาทํางานในประเทศไทยได้ ซึ่งจากความสําคัญนี้ มีหน่วยงานทางการศึกษาหลายแห่งได้เริ่มทําการเผยแพร่แนวทางและความรู้เพื่อให้ นักเรียนและผู้ปกครอง สามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมทางการศึกษาได้อย่างเหมาะสม และหนึ่งในนั้นคือโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม ซึ่งได้จัดการเสวนาวิชาการเรื่อง <span class="style104"><span class="style90">ทิศทางการศึกษาไทยกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะมีใน</span>วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2554 เวลา 8.30 - 12.00 <span class="style90">ณ หอประชุมโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม ในงานนี้มีนักวิชาการชื่อดังหลายท่านมาร่วมเสวนาด้วยครับ อธิ </span></span><br />
<br />
<span class="style104"><span class="style90"> </span></span><span class="style90"><b>นาวาตรีอิทธิ ดิษฐบรรจง (อธิบดีกรมอาเซียน)</b><b> </b></span><br />
<span class="style90"><b> ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน์ (เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) </b></span><br />
<span class="style90"><b> ศาสตราจารย์ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอาวุโส) และ </b></span><br />
<span class="style90"><b> ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ (เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา )</b></span><br />
<br />
<span class="style104"><span class="style90">โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้<a href="http://www.yn.ac.th/54news/540303news.html">ที่นี่</a>ครับ แต่เพื่อนๆต้องรีบจองที่นั่งนะครับ เพราะรับจํานวนจํากัดครับ</span></span><br />
<span class="style104"><span class="style90"><br />
</span></span><br />
<span class="style104"><span class="style90"> </span></span>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-52784588039068844832011-03-15T02:09:00.000-07:002011-03-15T02:30:21.061-07:00ความสําคัญของการเีรียนวิชาพื้นฐาน เป็นภาษาอังกฤษ ( เขียนจากตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง)สวัสดีครับ เมื่อวันที่ 14 มีนา เราก็พึ่งเสร็จ <a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/english-program_05.html">การตอบปัญหา คณิตศาสตร์ ที่เป็น โจทย์ ภาษาอังกฤษ</a> เพื่อให้ เพื่อนๆ และผู้ปกครอง เห็นความแตกต่างของความสำคัญของการเรียนวิชาพื้นฐานต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ<br />
<br />
โจทย์ เลข หรือ วิทยาศาสตร์ บางข้อ หากเราถามหรือเขียนเป็น ภาษาไทย เพิื่อนๆ ทุกคนก็คงสามารถทําได้อย่างไม่ยากนัก แต่โจทย์เดียวกันนี้ หากนํามาถามหรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้ว จากที่เราได้ทํา<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/english-program_05.html">การร่วมสนุกตอบคําถามชิงรางวัลกัน</a> ผมพบว่าเพื่อนๆ จะตอบผิดเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเวลาที่มีคําศัพท์ เฉพาะ หรือ ไวยกรณ์ที่อาจไม่คุ้นเคย ยิ่งทําให้ ไม่เข้าใจคําถามและตอบผิดในที่สุด<br />
<br />
จากเหตุการณ์ข้างต้นนี้จึงนํามาสู่ความคิดที่ว่า หลักสูตรการเรียนการสอน หรือ การเสริมการเรียนของเพื่อนๆ หากได้เข้าเรียนในโรงเรียนสองภาษา หรือ กวดวิชา ที่ สอนเป็นสองภาษา น่าจะ ได้ประโยชน์มากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเพื่อนๆ วางแผนไปเรียนต่อในต่างประเทศ หรือ ในสาขาที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ อย่างมาก<br />
<br />
นอกจากนั้น อีกประเด็นหนึ่งที่ มีความสําคัญต่อการเีรียนวิชาพื้นฐาน เป็นภาษาอังกฤษ ก็คือการเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทยเรา ซึ่งนับว่าน่าเป็นประเด็นสําคัญมากกับการศึกษาของเราและเพื่อนๆ เพราะ เราต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านวิชาการและภาษาในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อสามารถแข่งขันกับแรงงานต่างประเทศที่กํา่ลังเข้ามาทํางานในประเทศไทยได้นั่นเอง<br />
<br />
หากเพื่อนๆ สนใจ ข้อมูลเกี่ยวกับ ประชาคมอาเซียนและผลกระทบกับการศึกษา่ของไทยเรา สามารถร่วมการเสวนา เรื่อง <span class="style104"><span class="style90">ทิศทางการศึกษาไทยกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะมีใน</span>วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2554 เวลา 8.30 - 12.00 <span class="style90">ณ หอประชุมโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม รายละเอียดเพิ่มเติม<a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/blog-post_3307.html"> ที่นี่</a>ครับ</span></span>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-50209202916784604022011-03-05T01:10:00.000-08:002011-03-05T01:10:30.433-08:00ปัญหาเชาว์ ของ หลักสูตร English Programสวัสดีครับ วันก่อนผมนําวิดีโอของสถาบันที่สอน <a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/03/english-program-smartep.html">กวดวิชาเลขเป็นภาษาอังกฤษ</a> ดูแล้วน่าสนใจดี วันนี้เลยพยายามไปหาโจทย์เลขที่เป็นกึ่งๆ เชาว์ด้วย มาลองให้เพื่อนๆ ลองทํากันครับ <br />
<br />
ผมอ่านดูแล้วไม่ยากมาก เพียงแต่ต้องคิดรอบคอบนิดหนึ่งครับ<br />
<br />
ลองดูนะครับ<br />
<br />
1. I looked out my window and saw a group of children and dog playing in my back yard, Icounted 17 heads and 44 feet. W<span class="text_exposed_hide">...</span><span class="text_exposed_show">hat is the product of the number of children and the number of dog in my backyard?<br />
<br />
2. A fish consists of a head, a body and a tail. The head is 9 cm long. The tail is as long the head and half the body, the body is as long as the head plus the tail. In cm, find the length of fish.<br />
<br />
3. A science lab seating 35 pupils has 3 times as many single desks as double desks. If all of the places are occupied. Find the number of single desk.<br />
<br />
4.Mikalia can mow a soccer field with her lawn mower in 4 hours. Andre can mow the same field with his lawn mower in 2 hours. How long will it take the two of them working together to mow the field?</span><br />
<br />
<span class="text_exposed_show">ถ้าเพื่อนๆ มีโจทย์ของ English Program มาแชร์กันก็ได้นะครับ </span>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-48759440976353625362011-03-03T04:23:00.000-08:002011-03-03T04:23:25.869-08:00คณิตศาสตร์ English Program @ SmartEP<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สวัสดีครับ วันนี้ พอดี ลองหา วีดีโอ การสอน คณิตศาสตร์ ของ โปรแกรมสองภาษา หรือ English Program ทาง youtube.com แล้วเจอของที่ สถาบันแห่งหนึ่ง ดูน่าสนใจดีครับ เลย เก็บมาฝาก </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">อาจารย์ที่นี่ มีจุดเด่นตรง สอนเป็นภาษาอังกฤษ และ มีเทคนิคการทําโจทย์ที่น่าสนใจ พูดและเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไม่ยากที่จะเรียนตาม เหมาะกับเด็กนักเรียนที่อาจพื้นฐานไม่แน่น หรือ ช่วงปรับตัวเข้ากับ English Program ใหม่ๆ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><object width="320" height="266" class="BLOGGER-youtube-video" classid="clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000" codebase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" data-thumbnail-src="http://i.ytimg.com/vi/Fh5dZvP7z_s/0.jpg"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Fh5dZvP7z_s?f=user_uploads&c=google-webdrive-0&app=youtube_gdata" /><param name="bgcolor" value="#FFFFFF" /><embed width="320" height="266" src="http://www.youtube.com/v/Fh5dZvP7z_s?f=user_uploads&c=google-webdrive-0&app=youtube_gdata" type="application/x-shockwave-flash"></embed></object></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div>ถ้าเพื่อนๆ มีแนะนําวีดีโอดีๆ คอมเมนต์มาได้นะครับEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-84171357845365313192011-03-02T22:04:00.000-08:002011-03-02T22:04:22.286-08:00โรงเรียนกวดวิชาที่สอนวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นภาษาอังกฤษ เราควรเรียนแบบที่สอนโดย คนไทย หรือ คนต่างประเทศ ดีเอ่ย<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> โรงเรียนกวดวิชาที่สอนวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นภาษาอังกฤษ เราควรเรียนแบบที่สอนโดย คนไทย หรือ คนต่างประเทศ ดี</span></span>เอ่ย<br />
<br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> ผู้เขียนคิดว่า ขึ้นกับ พื้นฐานทางด้าน ภาษา และ วิชาการของ เด็ก เช่น ถ้า เด็ก มีพื้นฐานภาษาไม่ดี เลย คือ อยู่ในระดับที่ สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ เราควรเริ่มที่ ครูคนไทย ที่ สอนเป็นภาษาอังกฤษ โดยต้องเลือกที่ ครูไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องโดยแน่นอนว่า สําเนียงย่อมไม่เท่ากับ ชาวต่างชาติ แต่ ข้อดีคือ ครูคนไทยจะสามารถพูดไทยและเข้าใจความหมายที่เด็กที่พื้นฐานไม่ดีพยายามสื่อ สารได้ ดังนั้นจะค่อยๆ ประัคับประคองให้เด็กค่อยๆ มีพื้นฐานภาษาและวิชาการดีขึ้นตามลําดับ และ ข้อดีอีกข้อ ของครูไทย คือ ครูไทยจะสามารถสอนตามหลักสูตรกระทรวงได้ลึกกว่าในวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ ซึ่ง อาจารย์ฝรั่งไม่สามารถทําได้</span></span><br />
<br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> จากเหตุผลนี้ ผู้เขียนจึงแนะนําว่า เริ่มเรียน </span></span><span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;">กับ ครูไทย (ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ)</span></span><span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> ในช่วงแรกให้ เด็ก มีพื้นฐานทั้งภาษาและวิชาการมากก่อน แล้วในลําดับต่อมาจึงอาจไปเสริมเรื่อง การฟัง และ การพูด กับ อาจารย์ต่างประเทศ ส่วนในช่วงเตรียมสอบ สอบเข้า หรือ เข้ามหาวิทยาลัย ก็ เรียนเสริมกับ ครูไทย (ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ) เพื่อให้ได้วิชาการพร้อมมากที่สุด</span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> </span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> เพื่อนๆ มีคําถามหรือสนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถ ถามมายัง facebook หรือ อีเมล ได้นะครับ</span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> </span><span style="color: black;"><br />
</span></span>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-3785849803358912412011-03-02T21:56:00.000-08:002011-03-02T22:00:14.355-08:00English Program ไม่ยากอย่างที่คิด<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> การจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนสาขาวิชา English Program นี้ ทางด้านครูผู้สอนต้องมีความเข้าใจเสียก่อนว่า นักเรียนที่เรียนในโปรแกรมนี้โดยส่วนใหญ่ หรือแทบจะทั้งหมดของหลากหลายวิชาหลัก คือการเรียนกับครูชาวต่างชาติ ซึ่งมีความแตกต่างทางด้านการสอนจากครูคนไทยมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมภายในชั่วโมงเรียน หรือการใช้คำพูดเพื่อการสื่อสาร ลักษณะการสอนของครูต่างชาติมักจะเน้นให้เด็กไทยได้แสดงออกทางด้านภาษาจาก กิจกรรมภายในห้องเรียน รวมไปถึงการสร้างความตื่นตัวทางด้านการรับรู้ของเด็กไทย ซึ่งครูต่างชาติมีกิจกรรมหลากหลายที่คัดสรรมาเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้แก่ เด็กภายในชั่วโมงเรียนนั้น ๆ และอีกหลากหลายอย่างที่ครูต่างชาติได้มีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่ต่าง จากแบบที่เด็กไทยเคยได้รับมาแต่เดิม ไม่ว่าจะเป็นโครงงานต่าง ๆ ที่ครูจัดสรรมาให้กับเด็กเอง</span><br />
<br />
<span style="color: black;"> เมื่อเราสามารถมองเห็น ภาพการสอนของครูต่างชาติออกแล้วนั้น สิ่งที่เด็กไทยควรนำมาปรับเพื่อให้เกิดศักยภาพในตัวเด็กได้อย่างสูงที่สุด คือ การพัฒนาทางด้านภาษาที่ใช้สื่อสารเป็นลำดับแรก อย่าลืมว่าถ้าหากบุตรหลาน หรือแม้แต่ตัวของคุณเองฟังการสื่อสารจากบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ได้เข้าใจในเนื้อหาที่บุคคลนั้นสื่อสารมา ก็จะเป็นที่แน่นอนว่าเราก็ไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับใด ๆ ได้ทั้งสิ้น และเมื่อไม่มีการโต้ตอบซึ่งการสื่อสารระหว่างกันในความเข้าใจ ก็เท่ากับว่าการเรียนการสอนในหลักสูตร English Program กลับ กลายเป็นการสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวคุณ และบุตรหลานของคุณมากขึ้นเป็นลำดับ </span></span><br />
<br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> ดังนั้นจึงควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการเพิ่มทักษะในการทำความเข้าใจทางด้าน ภาษาอังกฤษให้เพิ่มมากขึ้นในขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมการเรียนวิชาการเพิ่มในแบบที่สอนเป็น ภาษาอังกฤษ ซึ่ง อาจเป็น โรงเรียนกวดวิชา ต่างๆ หรือ การสอนแบบตัวต่อตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เขียน เห็นว่า ไปเรียนเพิ่มที่ โรงเรียนกวดวิชา น่าจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การเรียนตัวต่อตัว โดยต้องเน้นว่าต้องเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยครับ เพราะ เด็กจะได้คุ้นเคยกับการใช้ทักษะต่างๆ เช่น การฟัง พูด อ่าน เขียน และ คำศัพท์ต่า่งๆ ที่จําเป็นในวิชาต่างๆ </span></span><br />
<br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ถ้าโรงเรียนกวดวิชาที่สอนวิชาต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ เราควรเรียนแบบที่สอนโดย คนไทย หรือ คนต่างประเทศ ดี</span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> ผู้เขียนคิดว่า ขึ้นกับ พื้นฐานทางด้าน ภาษา และ วิชาการของ เด็ก เช่น ถ้า เด็ก มีพื้นฐานภาษาไม่ดี เลย คือ อยู่ในระดับที่ สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ เราควรเริ่มที่ ครูคนไทย ที่ สอนเป็นภาษาอังกฤษ โดยต้องเลือกที่ ครูไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องโดยแน่นอนว่า สําเนียงย่อมไม่เท่ากับ ชาวต่างชาติ แต่ ข้อดีคือ ครูคนไทยจะสามารถพูดไทยและเข้าใจความหมายที่เด็กที่พื้นฐานไม่ดีพยายามสื่อสารได้ ดังนั้นจะค่อยๆ ประัคับประคองให้เด็กค่อยๆ มีพื้นฐานภาษาและวิชาการดีขึ้นตามลําดับ และ ข้อดีอีกข้อ ของครูไทย คือ ครูไทยจะสามารถสอนตามหลักสูตรกระทรวงได้ลึกกว่าในวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ ซึ่ง อาจารย์ฝรั่งไม่สามารถทําได้</span></span><br />
<br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> จากเหตุผลนี้ ผู้เขียนจึงแนะนําว่า เริ่มเรียน </span></span><span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;">กับ ครูไทย (ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ)</span></span><span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> ในช่วงแรกให้ เด็ก มีพื้นฐานทั้งภาษาและวิชาการมากก่อน แล้วในลําดับต่อมาจึงอาจไปเสริมเรื่อง การฟัง และ การพูด กับ อาจารย์ต่างประเทศ ส่วนในช่วงเตรียมสอบ สอบเข้า หรือ เข้ามหาวิทยาลัย ก็ เรียนเสริมกับ ครูไทย (ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ) เพื่อให้ได้วิชาการพร้อมมากที่สุด</span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> </span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> เพื่อนๆ มีคําถามหรือสนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถ ถามมายัง facebook หรือ อีเมล ได้นะครับ</span></span><br />
<span style="color: #3333ff;"><span style="color: black;"> </span><span style="color: black;"><br />
</span></span>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-7904984297158399762011-03-01T01:29:00.000-08:002011-03-01T01:29:50.321-08:00แบบไหนเรียกว่าโรงเรียนสองภาษาสวัสดีครับ วันนี้มีบทความดีดีมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ อีกละครับ ผมเชื่อว่าผู้ปกครองหลายๆท่านยังอาจไม่คุ้นเคยกับ คําว่า โรงเรียนสองภาษา English Program Biligual MEP EP ซึ่งแต่ละคําจริงๆแล้วบางส่วนถูกเรียกขึ้นมาโดยโรงเรียนเจ้าของหลักสูตร และ บางคําตั้งขึ้นจากกระทรวงศึกษา ดังนั้นเพื่อให้เพื่อนๆ และผู้ปกครองทุกท่าน รู้ความแตกต่างของแต่ละประเภทของโรงเรียนสองภาษา วันนี้ผมนําข้อมูลดีดีมาแบ่งครับ<br />
<br />
<br />
เนื่องจากทำงานอยู่ในแวดวงการศึกษา จึงขออนุญาตรวบรวมข้อมูลโรงเรียนสองภาษามาลงไว้ ณ ที่นี้ ซึ่งไม่ได้เป็นข้อมูลของผู้เขียนแต่อย่างใด <br />
<br />
<br />
กระทรวงศึกษาธิการได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับโรงเรียนสองภาษา ซึ่งถือเป็นมาตรฐานกำหนดแนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียนประเภทนี้ทั้ง โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ว่า... เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านความรู้ ความสามารถ และทักษะทางภาษาของผู้เรียน และในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนต้องคำนึงถึงความสามารถพื้นฐานในการใช้ ภาษาของผู้เรียน การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมอันดีงาม ตลอดจนการเรียนการสอนในบริบทของความผสมผสานเป็นสากล... <br />
<br />
ที่ผ่านมามีอยู่ 2 รูปแบบ คือ <br />
English Program (EP) จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ทุกวิชา ยกเว้นภาษาไทย และสังคมศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไทย กฎหมายไทย ประเพณีและวัฒนธรรมไทย <br />
<br />
Mini English Program (MEP) จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่เกิน 50% ของชั่วโมงสอนทั้งหมดต่อสัปดาห์ <br />
<br />
แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ <br />
ระดับก่อนประถม (อนุบาล) จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่เกิน 50% ของ<br />
เวลาที่จัดกิจกรรม รับนักเรียนไม่เกินห้องละ 25 คน <br />
<br />
ระดับ ประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และพลศึกษา โดยคำนึงถึงความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาวิชานั้นควบคู่กับภาษาอังกฤษ รับนักเรียนไม่เกินห้องละ 30 คน <br />
<br />
ระดับมัธยมศึกษา จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ทุกวิชา ยกเว้นภาษาไทย และสังคมศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไทย กฎหมายไทย ประเพณีและวัฒนธรรมไทย รับนักเรียนไม่เกินห้องละ 30 คน <br />
<br />
ค่าเล่าเรียนแพงกว่าเท่าไร <br />
โรงเรียน สองภาษาของรัฐบาล อนุญาตให้เก็บค่าเล่าเรียนในระดับ ม.ปลายไม่เกิน 40,000 บาทต่อภาคการศึกษา และม.ต้นไม่เกิน 35,000 บาทต่อภาคการศึกษา <br />
<br />
ส่วนในโรงเรียนเอกชนจะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนเอง <br />
ภาย ใต้ข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาฯ นอกจากนี้บางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายในส่วนของกิจกรรมต่างๆ หรือจัดให้นักเรียนสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ ทั้ง TOEFL, IELTS ซึ่งอาจใช้จ่ายเพิ่มเติม <br />
<br />
เมื่อคำนวณแล้วจะสูงกว่าการเรียนภาคปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนนานาชาติ และการไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ถือว่าถูกกว่า <br />
<br />
ใช้หลักสูตร และตำราเรียนแบบไหน <br />
เนื่อง จากหลักสูตรมาตรฐานฉบับภาษาอังกฤษของโรงเรียนสองภาษาโดยตรงที่กระทรวงศึกษาฯ กำลังทำอยู่นั้น ยังไม่มีกำหนดแล้วเสร็จที่แน่นอน ที่ผ่านมาแต่ละโรงเรียนจึงใช้หลักสูตรและตำราเรียนที่หลากหลาย <br />
แต่ถ้าเป็นโรงเรียนของรัฐบาลก็จะปรับใช้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 เป็นหลัก <br />
<br />
พอจะสรุปได้ว่า <br />
1. ใช้ตำราเรียนจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนเอกชนที่ใช้หลักสูตรของต่างประเทศมาสอน ทั้งจากอังกฤษและสิงคโปร์ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนอาจไม่สอดคล้องกับสังคมไทย <br />
<br />
2. แปลตำราภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยพื้นฐานหลักสูตรของกระทรวงศึกษาฯแบบ content by content ซึ่งอาจทำให้ดูไม่ต่างจากการเรียนในภาคภาษาไทยปกติมากนัก <br />
<br />
3. แปลตำราภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยยึดจุดประสงค์สาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาฯ มาประยุกต์เข้ากับกิจกรรมการสอน <br />
<br />
4. ครูผู้สอนคัดเลือกจากหลักสูตรไทยและต่างประเทศควบคู่กัน เน้นเนื้อหาให้ตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้แล้วทำเป็นรูปเล่มตำราใหม่ <br />
<br />
ทั้งนี้แต่ละโรงเรียนอาจประยุกต์หลายแบบมารวมกันได้ <br />
ซึ่งในเรื่องของหลักสูตรจะเห็นได้ว่าขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนดำเนินการเอง ยังขาดความเป็นมาตรฐานกลาง <br />
<br />
จึง อาจส่งผลถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน เมื่อต้องเข้าสู่ระบบการแข่งขันกับนักเรียนในภาคปกติที่ข้อสอบเป็นภาษาไทย โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ที่จะมีศัพท์เทคนิค และมีรายละเอียดของการทดลองมาเป็นข้อจำกัด ไม่สามารถลงลึกในหลักวิชาเหมือนในภาคปกติได้ ซึ่งเป็นจุดบกพร่องที่พบและหลายแห่งพยายามแก้ไข <br />
<br />
เรียนสองภาษาดีแน่หรือ <br />
เมื่อ โรงเรียนสองภาษาเริ่มมีบทบาทในวงการศึกษามากขึ้น และเป็นกระแสที่พ่อแม่สนใจ ส่งผลให้เกิดงานวิจัยโดยคุณปานจิต รัตนพล และคณะศึกษาปริญญาโท คณะครุศาสตร์จุฬาฯ เลือกกรณีศึกษาแบบเจาะจงโรงเรียน 4 แห่ง พอจะทำให้เห็นภาพความเคลื่อนไหว สภาพการณ์และปัญหาของการจัดการศึกษาในโรงเรียนสองภาษาในเวลานี้ชัดขึ้น <br />
ด้านครูผู้สอน <br />
ในหนึ่งห้องเรียนจะมีครูชาวต่างชาติ และครูไทยร่วมกันจัดการเรียนการสอน โดยวิชา<br />
ทาง ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ จะเป็นครูต่างชาติสอน ส่วนในด้านวิชาที่ต้องคงความเป็นไทย เช่น ศาสนา ภาษาไทย สังคมไทย อาจารย์คนไทยจะสอนประกอบกัน <br />
ด้วยจำนวนนักเรียนน้อยจึงดูแลได้ทั่วถึง เอื้อให้ครูรับทราบปัญหาของนักเรียนได้เป็น<br />
รายบุคคล โดยมีข้อกำหนดว่าครูไทยที่สอนร่วมต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษดี ได้คะแนนโทเฟล 550 คะแนนขึ้นไป <br />
<br />
ปัญหา <br />
ด้วยเหตุที่มีการเปิดการเรียนระบบสองภาษามากขึ้นในโรงเรียนต่างๆ ทำให้ขาดแคลนครูต่างชาติ และบางแห่งครูไทยก็ได้คะแนนโทเฟลไม่ถึง 550 <br />
<br />
ปัญหาครูต่างชาติเจ้าของภาษาสร้างความยุ่งยากให้ทางโรงเรียนมากที่สุด ซึ่งมีอยู่หลายๆ สาเหตุด้วยกัน เช่น <br />
ครูต่างชาติบางคนแม้จะมีวุฒิหรือความรู้ทางวิชาการด้านที่ต้องการ แต่ไม่ได้จบด้านการสอนด้วย ทำให้ถ่ายทอดความรู้ได้ไม่ดี <br />
ครูต่างชาติอยู่สอนไม่นาน อาจเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักศึกษาที่เพิ่งจบมาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ชีวิต ทำให้เกิดภาวะขาดครูบ่อยๆ และขาดความต่อเนื่องในการสอน <br />
ครูขาดคุณภาพ ไม่มีทักษะในการถ่ายทอดและสื่อความหมายเท่าที่ควร ไม่เข้าใจจิตวิทยาเด็ก คุมห้องเรียนไม่ได้ กระทั่งทำใบปริญญาปลอม <br />
ทางกระทรวง ศึกษาฯ ได้ช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นด้วยการจัดตั้งศูนย์รับครู ทั้งชาวไทยและต่างชาติ และประสานงานกับสถานทูต สถาบันการศึกษาในต่างประเทศในการแลกเปลี่ยนครูมาสอน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน <br />
<br />
ด้านการจัดการเรียนการสอน <br />
เนื่อง ด้วยจำนวนนักเรียนต่อห้องน้อย ส่วนใหญ่จึงสามารถจัดการเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้ ใช้การเล่นเกม กิจกรรมมาเป็นสื่อการสอน มากกว่าการสอนด้วยการบรรยาย และมีสื่อการเรียนการสอนทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ หนังสือประกอบการเรียนจากต่างประเทศที่มักมีรูปเล่มสวยงาม กระตุ้นให้อยากเปิดอ่าน <br />
<br />
บางแห่งมีการจัดการสอนเสริมวิชาต่างๆ เป็นภาษาไทย โดยครูไทยในช่วงเย็นหลักเลิกเรียน ในวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ <br />
<br />
เนื่องจากเด็กไทยบางคนที่เข้าเรียนโปรแกรมนี้ อาจยังไม่ชินสำเนียงภาษา หรือไม่เข้าใจศัพท์ ปัญหา <br />
เด็ก ที่ไม่ได้เรียนสองภาษามาตั้งแต่ต้น หรือไม่มีทักษะทางด้านภาษามาก่อน ต้องใช้ความพยายามในการเรียนมากขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะหากเข้ามาเรียนในช่วงชั้นที่สูง วิชาการต่างๆ ยากขึ้น <br />
<br />
ผู้ปกครองต้องเข้ามาช่วยเหลือลูกมากขึ้น และยังมีปัญหาอื่นๆ ที่พบในการเรียนการสอนดังนี้ <br />
<br />
เด็กไม่คุ้นกับระบบการเรียนที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง ในการทำกิจกรรมร่วมกับครูและเพื่อน จะมีปัญหาการปรับตัว ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเมื่อครูถาม โดยเฉพาะในช่วงชั้นแรกที่เปลี่ยนจากระบบธรรมดามาเรียนในระบบสองภาษา <br />
<br />
การย้ายเข้าระหว่างปีการศึกษา เช่นจาก ป.4 มาเข้าสองภาษาตอน ป.5 ในขณะที่เพื่อนๆ เรียนมาตั้งแต่ ป.1 ก็จะมีปัญหาตามเพื่อนไม่ทัน เข้ากับระบบไม่ได้ เกิดความเครียดกังวล <br />
<br />
การเรียนเสริมทำให้เด็กค่อนข้างเครียด และขาดเวลาสำหรับการพัฒนาด้านอื่นๆ <br />
<br />
ด้านสภาพแวดล้อม <br />
การเก็บค่าเล่าเรียนที่แพงกว่าการเรียนระบบปกติ เอื้อให้สภาพแวดล้อมของโรงเรียน <br />
ห้อง เรียน อุปกรณ์ในการเรียนการสอนดีกว่า ซึ่งจะเห็นความแตกต่างได้ชัดในโรงเรียนที่มีทั้งสองระบบในโรงเรียนเดียวกัน รวมทั้งบางแห่งอาจใช้สัญลักษณ์หรือเครื่องแบบแตกต่าง อาหารและกิจกรรมที่พิเศษกว่านักเรียนภาคภาษาไทย <br />
<br />
ซึ่งทางโรงเรียนบอกว่า ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของผู้ปกครองที่เรียกร้องว่าเสียค่าเล่าเรียนแพงก็อยากได้รับการปฏิบัติที่พิเศษ <br />
<br />
ความ แตกต่างนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำ ซึ่งบางแห่งที่เห็นจุดเปราะบางตรงนี้ก็ได้พยายามที่จะแก้ปัญหา โดยเอื้อเครื่องมืออุปกรณ์ สื่อการสอนต่างๆ ครูต่างชาติ ของนักเรียนสองภาษามาให้ภาคปกติได้ใช้ร่วมกันด้วย หรือให้นักเรียนภาคปกติจับคู่ติวแลกเปลี่ยนระหว่างสาระวิชาและภาษาอังกฤษกับ นักเรียนโปรแกรมสองภาษา <br />
<br />
เด็กเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษจะเอ็นทรานซ์ได้ไหม <br />
ปัจจุบันมีตัวอย่างเด็กโปรแกรมภาษาอังกฤษสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ<br />
ได้ โดยเฉพาะโรงเรียนรัฐบาลที่ใช้หลักสูตรพื้นฐานเดียวกันไม่น่าจะมีปัญหา <br />
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากโรงเรียนโยธินบูรณะ และกรุงเทพคริสเตียน ที่ได้มีการประเมิน<br />
คุณภาพนักเรียน ด้วยการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในเชิงเปรียบเทียบระหว่างนักเรียนในโครงการกับภาคปกติ <br />
ผลปรากฏว่าวิชาการต่างๆ ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นวิทยาศาสตร์ คะแนนกลางจะไม่สูงมาก ส่วนภาษาอังกฤษนั้นแน่นอนว่าสูงกว่าภาคปกติ <br />
<br />
นอก จากนี้ยังมีความกังวลในการทำข้อสอบระดับประเทศ (National Test) ที่เป็นภาษาไทย เด็กอาจสับสนเพราะเรียนเป็นภาษาอังกฤษแต่ต้องมาทำข้อสอบภาษาไทย จึงต้องมีการเตรียมตัวมากขึ้น โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ที่มีศัพท์เทคนิคมาก จึงอาจแก้ไขด้วยการทำดรรชนีคำศัพท์ให้ <br />
โรงเรียนหลายแห่งมีการประสานกับ สถาบันภาษาจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชน มาทำการทดสอบประเมินผลทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของนักเรียนแต่ละ ช่วงชั้น เพื่อตรวจสอบคุณภาพการเรียนการสอนด้วย <br />
<br />
นักวิชาการหลายท่าน มองว่า ในอนาคตควรวางยุทธศาสตร์การใช้หลักสูตรโรงเรียนสองภาษา เป็นฐานสร้างความเข้มแข็งให้กับการสอนภาษาอังกฤษโดยรวม และต้องคอยทบทวนว่าโรงเรียนสองภาษา ได้สนองตอบต่อนโยบายที่มุ่งเน้นพัฒนาเด็กไทยให้มีความสามารถในการสื่อสาร เจรจาต่อรองในเวทีโลกได้อย่างแท้จริงหรือไม่ <br />
<br />
<br />
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง อยากให้ใคร่ครวญกันก่อนว่า ทางเลือกทางการศึกษา<br />
ทางนี้ ใช่ทางที่นำไปสู่ชีวิตที่สมดุล และความสำเร็จที่แท้จริงตามเป้าหมายที่ครอบครัวของเราวางไว้หรือไม่ <br />
<br />
เรื่องที่พ่อแม่ต้องรู้ <br />
1. ข้อมูล ต้องหาข้อมูลให้ครบถ้วนตามสภาพจริงที่มีในโรงเรียน ทั้งด้านดีและด้านที่เป็นปัญหาอยู่ เพื่อประเมินสถานการณ์ หากตัดสินใจจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เช่น ครูผู้สอน รูปแบบการสอน หลักสูตรที่ใช้ การประเมินผลและแนวทางการศึกษาต่อ เป็นต้น ดูว่าโรงเรียนมีความพร้อมในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ โดยอาจหาข้อมูลเบื้องต้นจากเว็บไซต์ สอบถามทางโรงเรียนโดยตรง หรือผ่านผู้ปกครองและนักเรียนที่เรียนอยู่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจ ถ้าเป็นไปได้น่าจะเลือกโรงเรียนที่มีประสบการณ์พอสมควร ผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้ว เพื่อลูกของเราจะได้ไม่กลายเป็นหนูทดลองEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-36875467294863578332011-02-26T20:59:00.000-08:002011-02-26T20:59:48.876-08:00video ประชาสัมพันธ์ Smart EPพอดีเจอวิดีโอนําเสนอของกวดวิชาแห่งนี้ น่าสนใจ เพราะสอนโรงเรียน และ เด็กที่เรียนใน โปรแกรมสองภาษาต่างๆ เช่น English Program (EP), MEP, Inter, และ Gifted จึงนํามาเผยแพร่ครับ เหมือนว่าที่นี่ สอนเป็น ภาษาอัวกฤษ เลยด้วยครับ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/g8fToT5es0E?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-83631773140331108782011-02-25T21:30:00.000-08:002011-02-25T21:30:33.469-08:00เล่าความเป็นมาของ โครงการ English Program โครงการ EP หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า “โครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวง ศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ(English Program)” ซึ่งแต่เดิม ชื่อภาษาไทยอาจใช้เป็นอย่างอื่น อาทิ โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ หรือ โครงการโรงเรียนสองภาษา เป็นต้น เดิมทีในระดับชั้นมัธยมศึกษา หากใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอนจำนวนชั่วโมงไม่ถึง 18 ชั่วโมง จะเรียกว่า Mini English Program (MEP) แต่นับตั้งแต่ปลายปีการศึกษา 2546 เป็นต้นมา กระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายให้จัดเฉพาะ “โครงการ English Program (EP)” ไม่มีนโยบายให้จัด “โครงการ Mini English Program (MEP)” หรือถ้าหากโรงเรียนที่จัดโครงการ MEP อยู่แล้ว ก็ให้เร่งพัฒนารูปแบบเป็น โครงการ EP ต่อไป เหตุที่มีการส่งเสริมให้โรงเรียนจัดโครงการ EP ก็สืบเนื่องมาจากรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความ สำคัญของภาษาอังกฤษ ที่นับวันจะทวีความจำเป็นสำหรับการติดต่อสื่อสารในสังคมโลกแห่งยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)มากยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็นับว่าเป็นประเทศหนึ่งในประชาคมโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างมากนับแต่ในช่วงต้นคริสตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เพราะสารสนเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากล ดังนั้นระบบการศึกษาไทยในขณะนี้จึงจำเป็นต้องพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษของคนไทยให้อยู่ในระดับที่จะรับและเข้าใจสารสนเทศภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) ต่อไป สืบเนื่องนับแต่ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยมีนโยบายให้โรงเรียนเอกชนเปิดสอนวิชาต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนไทยมีความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเด็กนักเรียนชาติ อื่น ๆ ในโลก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว และให้คนไทยมีความสามารถติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ การค้าและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และทางสังคมด้านต่าง ๆ กับคนได้ทั่วโลก ต่อมาในปีการศึกษา 2538 กระทรวงศึกษาธิการ ได้อนุญาตให้โรงเรียนเอกชนดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program : EP) และมีโรงเรียนเอกชนขานรับนโยบายทันที 3 โรง คือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา และโรงเรียนอุดมศึกษา หลังจากนั้นอีก 3 ปี คือ ในปี พ.ศ. 2541 โรงเรียนรัฐบาลสังกัดกรมสามัญศึกษาได้เปิดโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้หลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนเป็นแนวปฏิบัติ ในปี พ.ศ. 2544 กระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งที่ วก 1065/2544 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2544 เรื่อง ให้ใช้นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้การจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งในสถานศึกษาของเอกชนและของรัฐเป็นไปอย่างมีคุณภาพ มีความเท่าเทียม มีความเป็นธรรม และสอดคล้องกับหลักการและจุดหมายของหลักสูตรแต่ละระดับ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และในปี พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายแบ่งหลักสูตรออกเป็น 2 รูปแบบ สำหรับโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาเอกชน และโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา คือ โครงการ English Program หรือ EP และโครงการ Mini English Program หรือ MEP (สุชาดา เปลี่ยนสุภาพ. 2546 : 121 อ้างถึงใน นงนุช เอี่ยมสวัสดิ์, 2547) สำหรับโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าได้เริ่มเปิดดำเนินการสอนหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ ใน ๓ รายวิชา คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๖ และเมื่อปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ได้เปิดสอนทุกรายวิชาเป็นภาษาอังกฤษ โดยจัดตั้งเป็นโครงการ English Program มีหัวหน้าโครงการ เป็นผู้บริหารงานและรับผิดชอบในการดำเนินการภายใต้สายงานบังคับบัญชาของรองผู้อำนวยการโรงเรียนกลุ่มบริหารวิชาการ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า เป็นโรงเรียนในโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปีพุทธศักราช 2535 ตั้งอยู่เลขที่ 248/89 ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา ภายในหมู่บ้านสัมมากร อันเป็นที่ดินทรัพย์สินส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในระยะเริ่มต้นที่เปิดทำการ โรงเรียนได้รับนักเรียนชาย – หญิง ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 453 คน โดยเปิด 11 ห้องเรียน และให้นักเรียนได้เรียนตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายแบบลงทะเบียนเรียนตามเวลาและความสามารถของนักเรียน พุทธศักราช 2535 ซึ่งนับเป็นโรงเรียนแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้ใช้หลักสูตรนี้ จนกระทั่งปีการศึกษา 2539 โรงเรียนได้รับนโยบายจากกรมสามัญศึกษาให้เปิดทำการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นควบคู่กันไป ในปัจจุบัน (2548) โรงเรียนเปิดสอนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายจำนวน 63 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 3,022 คน และครูอาจารย์จำนวน 136 คน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ได้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครอองและชุมชนต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมวางแผนในการจัดการศึกษาของโรงเรียนและจากการประชุม สัมมนา ที่จัดขึ้นเพื่อระดมสมองในการพัฒนาโรงเรียน ที่ประชุมได้เสนอแนวความคิดในการพัฒนาโรงเรียนอย่างหลากหลายและที่สำคัญประการหนึ่ง ก็คือ แนวความคิดที่จะพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้สู่ความเป็นเลิศด้านภาษาอังกฤษเพื่อตอบรับกระแสแห่งยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) และยุคข้อมูลข่าวสารสมัยใหม่ (Information Technology) จากแนวความคิดดังกล่าว โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า จึงได้ร่วมกับผู้ปกครองและชุมชนจัดทำโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) ขึ้น การบริหารงานโครงการ English Program ดังกล่าวของโรงเรียนสามารถแบ่งออกเป็น ๒ ยุค ดังนี้ ยุคแรกEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-53723406229341838142011-02-25T08:11:00.000-08:002011-02-25T17:04:47.896-08:00สําหรับน้องๆที่จะสอบเข้าภาคภาษาอังกฤษ (ภาคอีพี) English Program ครับ<h3 class="post-title entry-title" style="font-weight: normal;"><span style="font-size: small;">พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่ น้องๆ ทั้งระดับ ป6 และ ม3 จะทําการสอบเข้าโรงเรียน EP กันนะครับ พี่ๆ ในฐานะที่ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวง อีพี และ มีหลานๆหลายคนเรียนในโปรแกรมนี้ ก็เลยอยากลองเขียนแนะนํากลยุทธ์ในการสอบเข้าภาคภาษาอังกฤษ (ภาคอีพี) English Program ไว้ให้น้องๆ อ่านก่อนสอบครับ ซึ่งหัวข้อนี้พี่เคยได้เขียนไว้ ประมาณเดือนกว่าๆ เลยได้โอกาสนํามาโพสอีกครั้งครับ น้องๆหรือผู้ปกครองที่สนใจสามารถติดตาม ได้ <a href="http://englishprogramblog.blogspot.com/2011/01/english-program_8769.html">ที่นี่</a> ครับ </span></h3><h3 class="post-title entry-title" style="font-weight: normal;"><span style="font-size: small;">ติดตามความเคลื่อนไหวของ blog โปรแกรมการเรียนภาคภาษาอังกฤษ หรือ English Program (EP) Blog ได้ทาง facebook นะครับ <a href="https://www.facebook.com/pages/English-Program-EP-Blog/131317166936324?ref=ts">https://www.facebook.com/pages/English-Program-EP-Blog/131317166936324?ref=ts</a></span></h3><h3 class="post-title entry-title" style="font-weight: normal;"><span style="font-size: small;"><br />
</span></h3>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-91469087726007263842011-02-23T22:48:00.001-08:002011-02-23T22:48:53.570-08:00อยากให้ลูกเข้าเรียน EP ป.1 ไม่ทราบมีเกณฑ์การคัดเลือกยังงัยบ้างคะลูกชายเรียนอยู่ อ.2 กำลังจะขึ้น อ.3 พ.ค.นี้ ที่โรงเรียนไทย เคยเข้าไปดู ๆ สาธิตรามบ้างไม่นานนี้ สนใจให้ลูกชายเข้าเรียน ป.1 EP มาก ๆ อยากรบกวนขอทราบเกณฑ์การคัดเลือกเด็กเข้าป. 1EP ค่ะ ว่าต้องเก่งขนาดไหน เน้นการทดสอบเกี่ยวกับอะไร จำเป็นต้องมีพื้นฐานอังกฤษขนาดไหน คืออยากให้เรียนที่นี่น่ะคะ รบกวนคุณครูและคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ<br />
ขอบคุณมากค่ะEnglish Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-22158851232684566642011-02-22T22:26:00.000-08:002011-02-22T22:26:23.107-08:00ความนิยมของนักเรียน โรงเรียนสองภาษา ในการเรียนอย่างถูกวิธี<div style="text-align: left;"> โรงเรียนสองภาษา เป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว หากเห็นนักเรียนตามโรงเรียนสองภาษาต่างๆพากันไปเรียนพิเศษยิ่งในช่วงของการ ปิดภาคเรียนแบบนี้ สถานที่เปิดเรียนพิเศษจะเต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนสองภาษาต่างๆ พากันขวนขวายความรู้กันอย่างเต็มที่ ยิ่งเด็กเรียนมากๆ จะเรียนครบทุกวิชาตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำหรือบางคนก็ยังชวนกันไปเรียนดนตรี วาดภาพ ฯลฯ อะไรเยอะแยะเพิ่มเติมกันเป็นแถวเลย ด้วยเพราะในขณะนี้วัยรุ่นนิยมความทันสมัยกันมากขึ้น ถ้าใครไม่เรียนหรือไม่เป็นแบบที่กำลังนิยมมีหวังเชยเป็นแน่แท้เลยจริงๆ โรงเรียนสองภาษาทั่วประเทศมีอยู่หลายหมื่นโรงเรียนสองภาษาทั่วประเทศไทยซึ่ง อาจจะแบ่งเป็นระดับอนุบาล ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย อุดมศึกษา ความนิยมของนักเรียน คำ ร ร สอง ภาษา ในการเรียนอย่างถูกวิธี รวมถึงสายอาชีพ แต่ละจังหวัดก็จะมีโรงเรียนหลากหลายรูปแบบซึ่งโรงเรียนสองภาษาทั้ง หมดจะขึ้นอยู่กับสังกัดกระทรวงศึกษาธิการด้วยกันเป็นหลักเพื่อทำให้การศึกษา ของเด็กไทยทัดเทียมไม่แพ้ต่างประเทศกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้โรงเรียนสองภาษาต่างๆจึงพากันประชุมเพื่อฟื้นฟูพัฒนาเทคโนโลยี การเรียนการสอนอยู่เป็นประจำโดยจะเห็นคุณภาพจากเด็กเป็นสำคัญ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"> <img alt="โรงเรียนสองภาษา" src="http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT2Yvuwpp_cmSmdMcOt1yz8bbysNGySiscA4jL2Nq8Tr1JdG4vwLg" /> </div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-65808245989627600072011-02-22T22:22:00.000-08:002011-02-22T22:22:18.538-08:00โรงเรียนสองภาษา มีความพร้อมที่จะก้าวสู่ระดับประถมศึกษาอย่างสมบูรณ์แบบ<div style="text-align: left;"> โรงเรียนสองภาษาคือ โรงเรียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพ พร้อมรับนักเรียนที่มีความพร้อมทางด้านการเรียนภาษาเข้ามาเรียนรู้และศึกษา เพิ่มเติมในที่โรงเรียนสองภาษา ซึ่งในปัจจุบันนี้โรงเรียนสองภาษาได้ พัฒนาปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ หวังว่านักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่จะกอบโกยความรู้ได้อย่างเต็มที่จริงๆ ใครเลยจะเก่งไปซะทุกเรื่องเลย แต่เมื่อวานได้ดูทีวีช่องหนึ่งพิธีกรเค้าเก่งจริงๆพูดได้หลายภาษาเลย แถมเป็นพิธีกรที่ดีอีกด้วย งั้นเราลองเข้าไปสมัครเรียนภาษาเพิ่มเติมดีกว่า จากที่เรียนมาหลายภาษาแล้ว วันนี้จะไปสมัครเรียนเพิ่มเติมที่โรงเรียนสองภาษาอีก โรงเรียนสาธิต มีความพร้อมที่จะก้าวสู่ระดับประถมศึกษาอย่างสมบูรณ์แบบ ความรู้เป็นสิ่งที่ดี ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นผลดีกับเราไปในอนาคต สักวันคงได้ใช้มัน โรงเรียนสองภาษาของเราก็ให้คำแนะนำดีจริงๆ ไม่ว่าจะเรียนกี่ภาษาก็ยังให้ความรู้เราไม่เปลี่ยนแปลง</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"> <img alt="โรงเรียนสองภาษา" src="http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR1XOL4TdHW0c03WPKm5tHzvURvDaTssWnuUJEvWwoKNIyOBk1S1g" /> </div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-32454903623945641522011-02-22T22:18:00.000-08:002011-02-22T22:18:38.909-08:00English Speaking Day<div style="text-align: justify;"><span style="font-size: xx-small;"><span style="font-family: Arial;"> </span></span><span style="font-size: xx-small;"><span style="font-family: Arial;"><span style="font-size: xx-small;"><strong> </strong></span>Th<strong><i><span style="font-weight: normal;">e office of National Education Standards and Quality Assessment</span></i></strong> <i>(Public Organization)</i> certified Satit Bilingual School of Rangsit University as a model for bilingual school. SBS possesses a clear policy in order to be a good alternative for a need in education especially nowadays that language becomes more crucial in everyday life of the people. Recently, SBS has organized “English Speaking Day” Project to enhance the motivation in learning and language skills development. This project will be held every Thursday for students in every level (from primary levels to secondary ones) to have a chance to communicate to one another in English throughout the day.</span></span></div><div style="text-align: justify;"> <span style="font-family: Arial;"> </span><span style="font-size: xx-small;">Asst. Prof. Dr. Wipada Kupatanonta, SBS school director, said that the project is a process which can assist students to become more familiar and confident in using the language. Since SBS is a bilingual school, the students must be equally competent both in Thai and English. Assessment and awards will be given to students.</span></div><div style="text-align: justify;"> <span style="font-size: 15pt;"><span style="font-size: x-small;"><span style="font-size: xx-small;"><span style="font-family: Arial;"> This project will be held continuously in every semester to enhance language learning skills. It can also reflect a role model in teaching and learning of bilingual education which is significant for Thai youth in the future. Read more<a href="http://www.sbs.ac.th/en/"> http://www.sbs.ac.th/en/ </a></span></span></span></span></div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-85350321095339040192011-02-22T22:00:00.000-08:002011-02-22T22:00:49.751-08:00EP Open House Yothinburana School 2011<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/7SLYkx45KQ4?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>EP Open House at Yothinburana School for this academic year (2011). See this video and you will realize why we recommend Yothinburana as one of the top ten English Program (EP) schools in Thailand.English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-16028098110036135862011-02-22T21:30:00.000-08:002011-02-22T21:30:21.955-08:00“มหกรรมตลาดนัดเรียนต่อชั้นม.1 และ ม.4”<span style="font-family: 'Angsana New','serif';"><span> สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ขอเชิญนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ร่วมเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ สู่การกำหนดทิศทางการศึกษาต่อทั้งสายสามัญและสายอาชีวะ ตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ในงาน “มหกรรมตลาดนัดเรียนต่อชั้นม.1 และ ม.4” วันที่ 25 - 27 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี</span></span><br />
<br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt;"><span style="font-family: 'Angsana New','serif';"><span> โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ที่พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นหาตนเอง เพื่อมุ่งสู่แนวทางการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการกิจกรรมโรงเรียนดี การจัดแสดงข้อมูลความเป็นเลิศของแต่ละสถานศึกษา ทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา พร้อมทั้งเชิญสถาบันอาชีวศึกษา และโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ร่วมนำเสนอความโดดเด่น ของโรงเรียนแต่ละแห่ง ให้เป็นทางเลือกสำหรับบุตรหลานของท่านผู้ปกครอง การให้นักเรียนทดลองทำข้อสอบของโรงเรียนดังต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อม รวมทั้งกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและตอบข้อซักถามต่างๆ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำให้ผู้เรียนได้รู้จักตนเองมากขึ้น ในรูปแบบที่เป็นกันเอง ภายใต้สีสันของงานเฟสติวัล ในบรรยากาศที่สอดแทรกความสนุก เน้นความสนใจของผู้เรียน เพื่อปรับมุมมอง และทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาให้นักเรียนมีความสนุกสนานและเข้าถึงได้ ง่ายยิ่งขึ้น</span></span></div><br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt;"><span style="font-family: 'Angsana New','serif';"><span>พิธี เปิดงานโดย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ณ ห้องแกรนด์ บอลลูม ฮอลล์ 9 เมืองอิมแพ็คเมืองทองธานี เวลา 09.00 น.</span></span></div><br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt;"><span style="font-family: 'Angsana New','serif';"><span> เชิญ ร่วมฟัง การเสวนา ในหัวข้อ "ก้าวย่างอย่างมั่นใจบนเส้นทางการศึกษา" และ "สร้างสุข สู่ความสำเร็จในรั้วโรงเรียนดี มีคุณภาพ " โดย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และจากโรงเรียนต่างๆ</span></span></div><br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt;"><span style="font-family: 'Angsana New','serif';"><span> ร่วมเปิดโลกการเรียนรู้ เพื่อวางแผนอนาคตให้กับบุตรหลานของท่าน สู่แนวทางการศึกษาต่ออย่างมีคุณภาพ ในงาน “มหกรรมตลาดนัดเรียนต่อชั้นม.1 และ ม.4” ได้ตั้งแต่วันที่ 25 - 27 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1579</span></span></div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-41389318766946943112011-02-22T19:21:00.000-08:002011-02-22T19:21:06.739-08:00อยากทราบว่าหากต้องการเรียน English Program (EP) ให้ได้ดีต้องทำอย่างไรอ่ะคะ ?<div style="margin-bottom: 10px; margin-right: 10px;"><span style="color: hotpink;"><b>ตอนนี้เรียน English Program อยู่ค่ะ</b></span><br />
อยากทราบว่าหากต้องการ<b>เรียนให้ได้ดี</b>ต้องทำอย่างไรอ่ะคะ ?<br />
<br />
<br />
**รบกวนปรึกษาหน่อยนะคะ <br />
เพราะตอนนี้รู้สึกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าที่ควร<br />
<br />
<br />
กลัวว่าจะสอบไม่ได้ หรือว่าต้องไปเรียนพิเศษอ่ะคะ ?<br />
คือโรงเรียนเรามีแบบถ้าเกรดไม่ถึง 2 ต้องซ้ำชั้นด้วยอ่ะ<br />
<br />
ไม่อยากซ้ำชั้นอ่ะคะ ช่วยหน่อยนะคะ <br />
<span style="color: teal;"><b>ขอบคุณค่ะ ;D</b></span></div>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-5979507256214811506.post-37868211170254014912011-02-22T04:15:00.000-08:002011-02-22T04:15:34.601-08:00เรียนฟรีอีพี กทม.หลักสูตรไฮโซเพื่อคนจน กรุงเทพม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>นครเปิดหลักสูตรอิงลิช โปรแกรม (อีพี) ในโรงเรียน 2 แห่งอย่าง ไม่บอกใคร มา 4 ปีแล้ว เด็กทุกคนที่เข้าเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ปกติหลักสูตรไฮคลาสนี้ราคาแพงม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>โหด และนั่นเป็นเหตุผลที่ไม่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้โรงเรียนทั้งสองแห่งเก็บที่นั่งไว้รอลูกคนไม่รวยมาเข้าเรียนเท่านั้นเมื่อปี2544 กรุงเทพม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>นครได้เปิดหลักสูตรอีพี (หลักสูตร 2 ภาษา) ในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัด กทม. 2 แห่ง คือ ร.ร.วัดมหรรณพ์เขตพระนคร และ ร.ร.เบญจมบพิตร เขตดุสิต ซึ่งเป็นโรงเรียนของลูกหลานคนไม่รวย มีอุดมการณ์ชัดเจน กำกับไว้เราต้องการให้โอกาสลูกของคนระดับกลางลงมาถึงคนระดับล่าง ได้มีโอกาสเรียนแบบที่คนรวยเรียนบ้าง เยาวรัตน์ตรีสัตยกุล ศึกษานิเทศก์ 7 สำนักการศึกษากรุงเทพม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>นคร กล่าว พร้อมขยายความต่อว่า หลักสูตรอีพีของ กทม.ฟรีทุกอย่าง ทั้งค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน เครื่องแบบ และอา<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>รกลางวันปกติแล้วหลักสูตรอีพีในโรงเรียนรัฐบาลราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3.5 หมื่นบาทต่อปีขึ้นไป ลูกหลานคนจนหมดสิทธิเรียนหลักสูตรไฮโซนี้ แต่ เยาวรันต์ บอก ว่า การศึกษาต้องไม่ทอดทิ้งใคร <a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>กมีลูกคนรวยมาขอเข้าเรียน เราก็จะพูดตรงๆกับเขาว่า ระหว่างลูกคนจนและลูกคนรวยแล้ว เราจะเลือก<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>ลูกคนจน เพราะเราอยากให้ผู้ปกครองที่มีกำลังจะจ่ายได้ ยอมเสียเงินเรียนที่อื่น เพื่อเก็บที่เรียนในโรงเรียนของ กทม.ไว้ให้คนที่ด้อยโอกาสจริงๆใช่ว่าของฟรีจะไร้มาตรฐานเยาวรัตน์ยืนยันทุกอย่างดำเนินการตามเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน จะสอนเป็นภาษาอังกฤษ 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ศิลปะและสุขศึกษา ส่วนวิชาภาษาไทย สังคมศึกษา พลศึกษา และการ<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">งาน</span></a>พื้นฐานอาชีพ จะสอนเป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ขณะที่หนังสือเรียนนั้น สั่งเข้ามาจากประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ หรือ ออสเตเลียที่สำคัญคือครูทั้งสองโรงเรียนมีครูชาวต่างชาติเพียงพอตามเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการระบุไว้ร.ร.เบญจมบพิตรมีครูต่างชาติ 6 คน ส่วน ร.ร.วัดมหรรณพ์มี 4 คน แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายรายหัวหลักสูตรอีพีของ กทม.แค่ 2 หมื่นบาทต่อปีเมื่อเทียบกับโรงเรียนเอกชนแล้ว เรามีค่าใช้จ่ายรายหัวที่ถูกมาก เพราะเราไม่ได้นำค่าลงทุนด้านอาคารสถานที่ เราจ้างครูต่างชาติได้ในราคาที่ถูกกว่า เพราะเราพูดกับครูต่างชาติชัดเจนเลย ว่านี่ไม่หวังกำไรแต่เป็นการให้โอกาสเด็กยากจน อีกทั้งเงินที่จ้างครูเป็นงบประมาณแผ่นดิน ต้องใช้ให้เหมาะสม สุดท้ายก็ได้คนที่เข้าใจมาเป็นครู แต่ยืนยันว่าครูต่างชาติทุกคนมีมาตรฐาน แม้ไม่มี Native หรือชาติที่พูดภาษาอังกฤษโดยตรง เช่น ฟิลิปปินส์ แต่ก็จบปริญญาโททางด้านการศึกษา มีประสบการณ์สอนในไทยมาก่อน ที่สำคัญภาษาไทยไม่เพี้ยน เยาวรัตน์ ระบุปีหน้ากทม.มีโครงการเปิดหลักสูตรอีพีเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ ร.ร.วัดภาษา ร.ร.สวัสดิรักษา และ ร.ร.วัดดอน เยาวรัตน์ อธิบายว่า หลักเกณฑ์การเปิดหลักสูตรอีพี ต้องมีชุมชนชาวต่างชาติอาศัยเด็กจะได้นำไปใช้ประโยชน์จริง รองลงมาดูความพร้อมของโรงเรียนดูเหมือนว่าร.ร.วัดมหรรณพ์ จะบรรลุตามเป้าหมายในแง่ของการนำภาษาอังกฤษมาใช้ประโยชน์ตามที่ เยาวรันต์พูดไว้และนั่น<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">ทํา</span></a>ให้โรงเรียนเปลี่ยนใจผู้ปกครองหันมายอม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>หลักสูตรอีพี จากที่ช่วงแรกเคยมีคำถามว่า <a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">ทํา</span></a>ไมโรงเรียนจะต้องสอนลูกเขาเป็นภาษาอังกฤษอมรรัศมีลอยพิมาย ผอ.ร.ร.วัดมหรรณพ์ เล่าว่า ร.ร.วัดมหรรณพ์ เป็นโรงเรียนประจำชุมชนย่านเสาชิงช้า ถนนข้าวสาร ศาลเจ้าพ่อเสือ ประชาชนส่วนใหญ่ค้าขายแผงลอย นิยมส่งลูกมาเข้าเรียนฟรีที่ ร.ร.วัดมหรรณพ์ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วโรงเรียนเลิก<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>ห้องปกติ นักเรียนอนุบาลต้องเรียนหลักสูตรอีพีโดยปริยาย <a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">ทํา</span></a>ให้ผู้ปกครองไม่เข้าใจว่า<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">ทํา</span></a>ไมต้องสอนลูกเขาเป็นภาษาอังกฤษ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกเขาช่วยพูดคุยกับลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติได้ ผู้ปกครองจึงเห็นด้วยกับหลักสูตรอีพีอมรรัศมีกล่าวต่อว่าทุกวันนี้หลักสูตรอีพีได้<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>การยอม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>จากชุมชนเป็นอย่างดี แต่โรงเรียนต้อง<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">ทํา</span></a><a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">งาน</span></a>หนักมากขึ้น ต้องเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษให้ชั้นอนุบาล เพื่อเรียนหลักสูตรอีพีชั้น ป.1 อมรรัศมี บอกว่า เราต้องการปั้นดินให้เป็นดาว เมื่อได้<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>การเตรียมพร้อมทางภาษาอย่างดี เด็กเกือบทุกคนมีศักยภาพเรียนภาษาอังกฤษได้ดีระดับหนึ่ง และเรียนหลักสูตรอีพีได้ทางด้านร.ร.เบญจมบพิตร <a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>หลักสูตรอีพีปีละ 1 ห้องเช่นกัน แต่ปีนี้มีนักเรียน<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">สมัคร</span></a>เรียนถึง 100 คน จึงใช้วิธีการคัดเลือกเป็นตัวตัดสิน อังคณาสัจจชุ ณหธรรม รองผู้อำนวยการ ร.ร.เบญจมบพิตร เล่าว่า จะต้องมีการทดสอบความพร้อมของนักเรียนก่อน<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">รับ</span></a>เข้าเรียน แต่เน้นให้โอกาสลูกคนจนก่อนทั้งสองโรงเรียนยืนยันตรงกันว่านักเรียนของพวกเขามีความสุขกับการเรียนหลักสูตรอีพี กล้าแสดงออกมากขึ้นและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดี โดยคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนชั้น ป.3 ปี 2549 พบว่าได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษ เฉลี่ย 80.77 คณิตศาสตร์ 77.40 วิทยาศาสตร์ 83.73 และภาษาไทย 82.29 ส่วน ร.ร.วัดมหรรณพ์ ได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษ 70.35 คณิตศาสตร์ 68.62 วิทยาศาสตร์ 70.69 และภาษาไทย 64.50แม้ว่าจะประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจแต่ทั้งสองโรงเรียนยังคงไม่ประชาสัมพันธ์ตัวเองมากนัก เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยาก ต่อสู้กับผู้ปกครองที่ไม่จนจริงแต่ต้องการให้ลูกเข้าเรียนฟรีในหลักสูตร อีพีของ กทม. มิฉะนั้นแล้วโรงเรียนจะไม่สามารถยืนยันอุดการณ์ หลัก สูตรอีพีเพื่อลูกหลานคนจน ไว้ได้สุพินดา ณ ม<a href="http://www.plazajob.com/" target="_blank"><span style="color: black;">หา</span></a>ชัย<a href="http://www.komchadluek.net/" target="_blank">ข้อมูลจาก คม ชัด ลึก</a>English Program (EP) Bloghttp://www.blogger.com/profile/08045203768209681859noreply@blogger.com2