หากจะพูดถึง EP คงจำเป็นต้องเท้าความถึง Bilingual Education ในเด็ก ซึ่งเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นเสียก่อน Bilingual Education นั้น  แรกเริ่มเดิมทีนั้น เกิดจาก "ความจำเป็น"  ของเด็กที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ใช้ภาษาแตกต่างจากภาษาหลักในสังคม  ความจำเป็นนั้นส่งผลให้เด็กนอกจากจะต้องใช้ภาษาแม่ของตนเพื่อสื่อสารกันใน ครอบครัวแล้ว ยังต้องเรียนภาษาหลักเพื่อใช้สื่อสารกับคนในสังคมให้ได้ด้วย  ยกตัวอย่างให้เห็นเด่นชัดคือ เด็กเชื้อสายละติน หรือจีน ในสหรัฐอเมริกา  ซึ่งต้องพูดภาษาสเปนหรือภาษาจีนภายในครอบครัว  เด็กกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่ใช้เป็นทางการ ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย อันนำมาสู่หลักสูตรการเรียนการสอนแบบผสมผสาน  มีทั้งภาษาสเปน และภาษาอังกฤษเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กกลุ่มนี้
      
       สำหรับในประเทศไทย จะพบว่าการเรียนการสอนในระบบสองภาษา ก็เกิดจาก "ความจำเป็น"  เช่นกัน ทว่าเป็นความจำเป็นที่แตกต่างออกไป  โดยพ่อแม่ผู้ปกครองชาวไทยส่วนหนึ่งเล็งเห็นว่า  หลักสูตรการสอนภาษาอังกฤษของไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร  ทำให้เด็กไทยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ต่าง ๆ  จากโลกภายนอกที่มักอยู่ในรูปแบบของภาษาอังกฤษ จึงนำไปสู่การจัดหลักสูตร  "English Program"  (การเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นแกนกลาง  และใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน)  โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)  ร่วมกับโรงเรียนเอกชนกลุ่มหนึ่ง จัดการเรียนการสอนนำร่องหลักสูตร English  Program ขึ้น
      
       อย่างไรก็ดี การมีหลักสูตร EP  เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันได้ว่า  เด็กไทยจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษจนสามารถนำไปใช้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เพราะในระหว่างทางของการเรียนของเด็กแต่ละคน ยังมีความแตกต่าง  และรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ที่รอการช่วยเหลือและแก้ไขให้บรรลุผล
      อาจารย์อัชฌา เสียงหลาย  คณะทำงานโครงการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชน  ประเภทสามัญศึกษาที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษา อังกฤษ และผู้อำนวยการบริหารกลุ่มโรงเรียนเลิศหล้า เปิดเผยว่า หลัง จากที่ประเทศไทยเปิดการเรียนการสอนในหลักสูตร English Program (EP) มากว่า  15 ปีพบว่า  ปัจจัยที่ทำให้เด็กปรับตัวเข้ากับหลักสูตรไม่ได้นั้นมีอยู่มากมาย  ยกตัวอย่างเช่น ระดับชั้นของเด็กเมื่อเริ่มเข้าเรียนในหลักสูตร EP,  พื้นฐานเดิมทางภาษาอังกฤษของเด็ก, พื้นฐานทางวิชาการของเด็ก  และปัญหาทางการเรียนรู้ของเด็กเอง
      
       "ถ้า นักเรียนไม่ได้เริ่มเรียนหลักสูตร EP ตั้งแต่ระดับชั้นเริ่มต้น  และมีพื้นฐานทางภาษาอังกฤษไม่เพียงพอ  นักเรียนจะเกิดความท้อแท้และปรับตัวลำบาก นอกจากนั้น  หากความรู้ด้านวิชาการไม่เพียงพอด้วยแล้ว  นักเรียนก็จะยิ่งปรับตัวยากมากขึ้น เพราะการเรียนในวิชาการต่าง ๆ เช่น  วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน  และมีศัพท์เฉพาะของแต่ละศาสตร์"
      
       ใน จุดนี้ แนวทางช่วยเหลือสำหรับเด็ก ๆ สามารถเริ่มได้จากโรงเรียนและครู  นั่นก็คือ การจัดการเรียนการสอนกลุ่มย่อย (ไม่เกิน 1 - 3 คน) ให้แก่เด็ก  ซึ่งพบว่า ภายใน 1 ภาคเรียน เด็ก ๆ  จะสามารถพัฒนาพื้นฐานทางภาษาอังกฤษให้มีความพร้อมเพียงพอที่จะกลับไปเรียน ร่วมกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนปกติได้
      
       "นอกจากนี้  คุณครูอาจใช้เวลาว่าง เช่น ชั่วโมงห้องสมุด จัดกิจกรรมสำหรับเด็กกลุ่มนี้  โดยให้เด็กเลือกหนังสือที่สนใจ และสอนเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นโดยเฉพาะ  วิธีนี้ จะทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจในการเรียนสูงมาก  เพราะจะได้เรียนในเรื่องที่เด็กมีความสนใจเป็นพิเศษ  ทำให้พร้อมที่จะเปิดรับความรู้ และมีความพยายามในการเรียนสูงขึ้น  ถึงแม้จะต้องใช้ภาษาที่ไม่ถนัดก็ตาม"
      
       สำหรับแนวทางอื่น ๆ  ที่สามารถเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้แก่เด็กนั้น ยกตัวอย่างเช่น  การสังเกตและติดตามผลของเด็กในห้องเรียน  เพื่อให้ครูได้ทราบว่าเด็กตามเพื่อนไม่ทันในจุดใดบ้าง  ตลอดจนให้เด็กได้มีโอกาสซักถามในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ ฯลฯ  เพื่อสร้างความมั่นใจในการเรียน  ด้วยวิธีดังกล่าวนี้พบว่านักเรียนที่ไม่มีปัญหาทางการเรียนรู้ (Learning  Disabilities) จะสามารถปรับตัวเข้าสู่ระบบการเรียนในหลักสูตร EP  ได้ในเวลาอันสั้น
      
       นอกจากกระบวนการการเรียนการสอนดังกล่าวแล้ว  นักเรียนไทยยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ส่งเสริมต่อการเรียนรู้ภายในห้องเรียน ที่ครูชาวต่างชาติในหลักสูตร EP ให้ข้อสังเกตเอาไว้ด้วยว่า  นักเรียนไทยมักให้ความร่วมมือในการเรียนกับครูสูงกว่า  อีกทั้งยังให้ความเคารพ และเชื่อฟังครู  ส่งผลให้บรรยากาศในห้องเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น เอื้อต่อการเรียนการสอน
แนะผู้ปกครองเข้าใจหลักสูตร
       
       ในยุคที่พ่อแม่สามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ในเวลาเพียงเสี้ยว นาที คงปฏิเสธไม่ได้ว่า  มีพ่อแม่หลายครอบครัวที่คาดหวังว่าลูกจะสามารถเรียนรู้และใช้ภาษาได้เป็น อย่างดี ในเวลาอันสั้นเหมือนเช่นคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน  ซึ่งความคาดหวังดังกล่าว อาจไม่เป็นผลดีกับการเรียนของลูกแต่ประการใด
      
       "อยาก ฝากบอกผู้ปกครองว่า การเรียนภาษา เป็นเรื่องของทักษะ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา  จึงขอให้ผู้ปกครองใช้ความอดทนและทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและวิธีเรียนของ เด็กแต่ละคน หากผู้ปกครองเข้าใจในประเด็นดังกล่าว นอกจากจะสามารถสั่งสอนลูก  ปลุกปั้นลูก เพื่อที่จะดึงศักยภาพของลูกออกมาได้ในแบบที่เขาถนัดแล้ว  ยังทำให้ลูกมีกำลังใจในการเรียนและสามารถพัฒนาตนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย"
       
      
       4 ข้อควรทำ ก่อนนำเจ้าตัวเล็กเข้าเรียน EP
       
       -  เตรียมความพร้อมให้ลูกเช่นเดียวกับการเข้าเรียนในระบบโรงเรียนทั่วไป  สอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ห้องน้ำ  รับประทานอาหาร รักษาความสะอาด  เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและสร้างทัศนคติที่ดีในการไปโรงเรียน  ให้เด็กได้ทราบว่าจะได้เจอคุณครูใจดี มีเพื่อน ๆ มีกิจกรรมสนุก ๆ  รอให้ทำรออยู่
      
       -  สร้างให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ เช่น การพูดภาษาอังกฤษกับลูก  หรือเปิดรายการการ์ตูนหรือสารคดีสำหรับเด็กดูร่วมกัน  เนื่องจากรายการเหล่านี้จะมีภาพประกอบ-เสียงให้เด็กสามารถคาดเดาความหมายของ คำศัพท์นั้น ๆ ได้ เป็นการสร้างความคุ้นเคยให้เด็กโดยอัตโนมัติ  และทำให้เด็กเรียนในหลักสูตรได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ไม่เกิดความคับข้อง  หรืออึดอัดใจ
      
       -  ถ้าพ่อแม่ใช้ภาษาอังกฤษได้ก็ควรพูดโต้ตอบกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ  เพราะเมื่อเด็กคุ้นเคยและสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษ  เด็กจะเกิดความมั่นใจที่จะกล้าพูดโต้ตอบต่อไปได้
      
       - อ่านหนังสือ นิทานต่าง ๆ  เป็นภาษาอังกฤษให้ลูกฟัง พร้อมทั้งชี้ชวนให้ดูภาพในหนังสือประกอบ                                       
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น